บลจ. ไทยพาณิชย์ โชว์บริหารอสังหาฯ – โครงสร้างพื้นฐาน Q4 ปี 62

บลจ. ไทยพาณิชย์

บลจ. ไทยพาณิชย์ บริษัทหหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่มีนาย ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้มีการออกมาเปิดเผยว่า ทางบริษัทได้มีการจัดเตรียมจ่ายเงินปันผล ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ การบริหารงานสำหรับไตรมาส ที่ 4/2562 จากงาดของผลกำไรงานระหว่างวันที่ 1ตุลาคม-31 ธันวาคม 2562 จำนวน 5 กองทุน และการจ่ายลดทุนจำนวน 1 กองทุน ที่รวมเป็นมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ให้กับทางผู้ถือหุ้น ในวันที่ 3 มีนาคม 2563 บลจ. ไทยพาณิชย์ การจ่ายปันผล ที่ประกอบไปด้วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่ประกอบด้วยประเภทอาคารสำนักงานให้เช่า จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท CPNCG ที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ดิออฟฟิศเศส แอน เซ็นทรัลเวิลด์ โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 ที่ผู้เช่า พื้นที่รายใหญ่นั้นได้ต่อสัญญาของการเช่าพื้นที่ กับทางกองทุนต่อไป ที่มีอัตราในส่วนของค่าเช่าที่ปรับขึ้นได้นั้นเป็นไปตามนยาบาย เพื่อที่ให้มีความสอดคล้องกับค่าเช่าตามอัตราของตลาดในปัจจุบัน เมื่อมองภาพรวมของปี 2562 ที่ทางกองทุน CPNCG ได้มีการจ่ายเงินปันผลที่รวมทั้งสิ้น 1.0052 บาทต่อหน่วย ที่เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ที่จ่ายไป 0.9586 บาทต่อหน่วย ซึ่งก็จะนับว่าการเพิ่มขึ้นประมาณ 4.9 % โดยที่ในครั้งนี้จะจ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.2005 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 29 รวมจ่ายเงินปันผล 6.5216 บาทต่อหน่วย ที่นับตั้งแต่วันที่จ่ายเงินปันผลครึ้งแรกไปเมื่อวันที่ 114 กุมภาพันธ์ 2556 ที่เป็นกองทุนที่รวมสิทธิของการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ไพร์มออฟฟิต…

Read More

บลจ.ไทยพาณิชย์ เผยตลาดหุ้นสหรัญ ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก

บลจ.ไทยพาณิชย์

บลจ.ไทยพาณิชย์ นางณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด ได้ออกมาเผยว่า ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเป็นอย่างต่อเนื่อง และค่าตอบแทนสูงกว่าอัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยที่ปิดอยู่ที่ 32% เป็นข้อมูลของวันที่ 24 ธันวาคม 62 จากปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของตลาดหุ้น บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้แก่ การบริโภคภายในประเทศ ที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง และยังมีอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น จากสงครามทางการค้า ระหว่างสหรัฐ- จีน ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก และยังรวมถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ธนาคารของสหรัฐฯ ตัดสินใจการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นโยบาย 3 ครั้งในปี 2562 จาก ร้อยละ 2.25-2.50 ในช่วงปลายปี 2561 ที่มาอยู่ที่ ร้อยละ 1.50-1.75 ในปัจจุบัน เพื่อช่วยการสนับสนุน การขยายตัวของเศรษฐกิจ  ให้กลายเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น สำหรับในระยะ ถัดไปที่คาดว่าการดำเนิน นโยบาย การเงินของธนาคารที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และสงครามทางการค้าระหว่าง สหรัฐ-จีน ที่เริ่มการผ่อนคลายลง หลังจากที่ทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงใน Phrase แรก โดยที่รายละเอียดเบื้องต้นคือ ทางสหรัฐนั้นจะลดการเก็บภาษี กลุ่มสินค้า ที่มีมูลค่า 1 แสนล้านเหรียญ จากปัจจุบันที่15% ลดลงเป็น 7.5% และยกเลิกการปรับอัตราภาษีนำเข้า กับสินค้าที่มีมูลค่า 1.6 แสนล้านเหรียญ ที่จะเก็บในวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมานี้  ในขณะที่จีนจะซ้อสินค้าจากสหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านเหรียญ ในระยะเวลา 2ปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันตลาดหุ้นสหรัฐ ที่อาจจะทำให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้น อาจจะทำให้ราคาที่เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าพื้นฐานที่อยู่ในระดับที่สูง นักลงทุนควรเพิ่มอย่างระมัดระวัง ในการลงทุน รวมทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในปีช่วงเดือน พฤศจิกายน…

Read More