PRINCIPAL IPROPEN เป็น 2 หมื่น ลบ. พร้อมจ่ายปันผลที่ 0.20บ./หน่วย

PRINCIPAL IPROPEN

PRINCIPAL IPROPEN หรือ บลจ. พรินซิเพิล จำกัด โดย นายวิน พรหมแพทย์ CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน ได้ออกมาเผยว่า ทางบริษัทได้รับการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. ให้เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิด

PRINCIPAL IPROPEN : Principal Enhanced Property and Infrastructure Flex Income Fund 

เป็นจำนวนวนเงิน 20,000 ล้าน บา หรือ 2,000 พันหน่วย จากเดิมที่มีเงินทุน ที่จดทะเบียน 5,000 ล้านบาท หรือ 500 ล้านหน่วย เพื่อขยายขนาด ของกองทุนรองรับผู้ที่สนใจ ที่สามารถเข้าซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มเติม หลังจากเปิดตัวและเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก IPO ในเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

กลยุทธ์ของทางกองทุนฯ ดังกล่าว ที่เน้นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีและรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคงของ เอเชีย-แปซิฟิก โดยที่เพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุนให้สามารถเพิ่มสัดส่วนของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานได้มากขึ้น และสามารถลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และโครงพื้นฐานอีกด้วย นอกจากนี้ ยังกระจายความเสี่ยงการลงทุนสินทรัพย์ ที่หลากหลายในประเทศ และขยายขอบเขตของการลงทุนแบบ Freehold หรือ ลงทุนในกรรมสิทธิ์ ตลอดจนบริหารจัดการโดยทีมของผู้เชี่ยวชาญในการลงทุน REITs ของกลุ่ม พรินซิเพิล

ที่ได้กล่าวไว้ในขณะที่เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุน ในอัตรา 0.20 บาท ต่อหน่วย สำหรับงวดบัญชี 30 พฤศจิกายน 2562 ที่นับเป็นการจ่ายครั้งที่ 31 ของกองทุนฯ และเป็นการกระจายที่เป็นเงินปันผลต่อเนื่อง ที่นับไตรมาส 2/55 โดยที่กำหนด ปิดสมุดทะเบียนถือหุ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 62 ซึ่งจะถึงวันที่ 29 ธันวาคม 62 ถึงจะได้รับเงินปันผล

ทั้งนี้ทางกองทุน มีนโยบายในการลงทุน หรือตราสารหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเครือข่ายที่มีคุณภาพดี มีสภาพคล่องเพียงพอ และยังซื้อขายได้ในราคาที่เหมาสม

โดยที่ภาพรวมของการลงทุนสินทรัพย์ของกลุ่มอสังฯช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ราคาสินทรัพย์ กลุ่ม Yield Play Assets หรือ สินทรัพย์ที่นักลงทุนเข้าลงทุนโดยคาดหวังผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล โดยเฉพาะทรัสต์ เพื่อนการลงทุนในอลังฯ และสิทธิการเช่า REITs ของไทยและสิงคโปร์ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นปัจจัยจากพฤติกรรม Search for Yieald หรือการมองหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล ที่ดอกเบี้ยต่ำ และมุมมองการขยายทำกำไรของนักลงทุนทั้งไทยและสิงคโปร์ ครั้งนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากราคาสินทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ตั้งแต่ต้นปี 62 ย่อมมีโอกาสถูกขายทำกำไร

CR.UFABET

Related posts