GDP2019 การโตต่ำที่สุดในรอบ5ปี ของประเทศไทย

GDP2019 หรือเศรษฐกิจไทยในปี 2019 ที่หลังจาก ที่รอลุ้นกันมานาน ที่ตัวเลข GDP ที่บ่งบอกว่าถึงการเติบโตของเศรษฐกิจของไทยในปี 2019 ก็มีการออกประกาศออกกมาอย่างเป็นทางการ โดยที่ตัวเลขที่มีการเคาะออกมาโดย ทางสำนักงานสภาพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช) อยู่ที่ 2.4% ที่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ 2015 เป็นต้นมา ที่การเติบโตของ GDP2019 เพียง 2.4% ของที่ประเทศไทยที่ค่อนข้าง จะแย่ที่ปิดตัวลงได้ที่ 1.6% ที่ทำให้ภาพรวมของทั้งปี ภาพรวมทาเศรษฐกิจไทย นั้นมีการเติบโตเพียง 2.4% ที่ต่ำกว่าเป้าที่สถาบันการเงินหลายแห่งที่ประมาณไว้เล็กน้อยในช่วงปลายปี แต่ถ้าเกิดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019 นั้นมา เป้าของการเติบโตก็ลดลงมาเรื่อยๆ โดยที่ตัวเลขล่าสุด ของการสรุปเศรษฐกิจในปี 2019 ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งประเทศ ที่มีการขยายตัวเพียง 2.4% การบริโภคทางภาคเอกชน ที่มีการขยายตัว 4.5 % การอุปโภคทางภาครัฐบาล ที่มีการขยายตัว 1.4% การลงทุนของทางภาครัฐ ที่มีการขยายตัว 0.2% มูลค่าของการส่งออก ที่หด 3.2 % เนื่องจากตัวเลขข้างต้น ที่เราจะเห็นว่าภาพรวมของเศรษฐกิจปี 2019 ที่ได้รับผลกระทบจากหลายส่วนด้วยกัน ที่ฉุดภาพรวมเศรษฐกิจมากที่สุด ที่น่าจะหนีไม่พ้น ภาคการส่งออก มูลค่าการส่งออกหดตัวถึง 3.2% ปัจจัยหลักก็มาจากทั้งเรื่องค่าเงินบาทแข็งตัว  และในภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างอ่อนแอ ในขณะเดียวกัน ที่การลงทุนภาครัฐ และการอุปโภคภาครัฐบาล ก็มีการขยายตัวต่ำมาก ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการเบิกจ่ายที่ล่าช้าของงบประมาณปี 2019 จากปัญหาคาราคาซังด้านการเมืองต่าง ที่ส่งผลกระทบยาวมาตั้งแต่ต้นปี   ปีหน้าจะมีความหวังกับเศรษฐกิจไทยไหม ความหวังสูงสุดน่าจะฝากไว้ที่ค่าเงินบาท ที่หลังจากแข็งตัวมาอย่างยาวนานแล้ว ปัจจุบันก็เริ่มกลับมาอ่อนค่าบ้าง โดยมีแนวโน้มที่ดีที่จะได้เห็นการฟื้นตัวของการส่งออก นอกจากนี้ งบประมาณภาครัฐที่เบิกจ่ายมาล่าช้าตั้งแต่ปีที่แล้วก็จะได้เห็นการกลับมาใช้จ่ายในปีนี้อีกด้วย   แต่อย่าลืมเรื่องโรคระบาด COVID – 19   ถ้าหากนับประเด็นทางเศรษฐกิจในปี 2020…

Read More

1MDB มหกรรมการโกงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์

1MDB

1MDB สรุปมหากาพย์ ถ้าหากพูกถึงกองทุน ที่หน้าที่หลักของกองทุน ที่จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากการแสวงการผลกำไรสูงสุด ภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมหรือกองทุนส่วนบุคคล หรือกองทุนอื่นๆ  แต่กองทุนยักษ์ใหญ่ ที่กลับ ไม่สามารถทำกำไรได้แม้แต่เพียงเปอร์เซนเดียว แต่กลับสร้างหนี้ ที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านเหรียญ ผลที่เกิดการขาดทุนยิ่งกว่าขนาดของบริษัทที่จดทะเบียนในไทยบางแห่งอีกด้วยซ้ำ และที่น่าตกใจคือถ้ารู้ว่าการที่สูญเสียเงิน เหล่านี้ที่ไม่ได้ทำให้เกิดขึ้นเพราะผลการลงทุนตามปกติ แต่เกิดจากการฉ้อฉล บางอย่างที่ทำให้ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหลายสบายตัว ในขณะที่ปกติผู้ลงทุนนั้น กลับเสียหายและยังไม่สามารถตามจับได้อย่างจริงจัง กองทุนที่ไม่ใช่กองทุนรวมที่เราสามารถซื้อขายได้ตามปกติ และที่เรากำลังพูดถึงอยู่ คือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วโลกอยู่ในตอนนี้ คือ กองทุน 1MDB ที่เป็นกองทุนความมั่งคั่งของชาติมาเลเซีย หรือ Sovereign Wealth Fund ที่ก่อตั้งขึ้น ในปี 2009 ภายใต้ของการนำ โดย นาจิ ซารัค ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมลตรี แบบเต็มตัวในตอนนั้น สำหรับจุดประสงค์ของกองทุนของความมั่งคั่งแห่งชาติ ก็คือ การนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อทำให้กองทุนเกิดความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น และแน่นอนกว่านั้น คือหมายถึงเงินของคนในชาติก็มากขึ้น ถ้าหากนึกภาพไม่ออก ก็จะเปรียบเหมือนกันกับ กองทุนเทมาเส็ก ของทางประเทศสิงคโปร์นั่นเอง ที่แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นกองทุนที่มั่งคั่งของชาติ แต่ดูเหมือนว่าจะทำอะไรผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อย เพราะหลังจากการก่อตั้งกองทุนนั้น แทนที่จะได้กำไรแต่กลับเป็นว่าทางกองทุนนั้นเป็นหนี้กว่า 11,000 ล้านเหรียญ ที่ช่างต่างกันลิบลับกับกองทุนเทมาเส็ก ที่เป็นกองทุนของความมั่งคั่งแห่งชาติ ที่อย่างน้อยก็ทำกำไรให้กับชาติได้ 1.50% จากเงินกองทุนกว่า 3 แสนล้านเหรียญ CR. UFABET

Read More

Black Monday วิกฤตเลวร้าย วันของประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น

Black Monday

Black Monday เป็นวันที่ วิฤตเลวร้ายของประวัติศาสตร์ ของตลาดหุ้น เพียงแค่ตลาดหุ้นที่ร่วงเพียง 1-2% ที่หลายคนก็ว่ารุนแรงแล้ว แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอยู่ดีๆ ตลาดหุ้นก็ร่วงหนักที่เดียวไปถึง 20% ถ้าลองนึกภาพประวัติศาสตร์ ของตลาดหุ้นไทยจาก 1,500 จุด ที่ร่วงลงไปเหลือ 1,200 จุด ในบรรยากาศ ของวันนั้นที่ยังคง ไม่ต่างอะไรกับวันโลกวินาศ แต่นั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันจันทร์ ที่ 19 มิถุนายน 1987 เป็นวันที่ ดัชนี ดาวโจนส์ นั้นร่วงลงไปถึง 500 จุด หรือคิดเป็น การลดลงกว่า 22% เพียงระยะเวลา ในภายวันเดียว ซึ่งก็ถือว่า เป็นการลดลง ของดาวโจนส์ ที่คิดเป็นเปอร์เซ็น ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ของตลาดหุ้น ที่เรียกว่า Black Monday หรือ วันจันทร์ทมิฬ ที่ปกติแล้ว ที่ทุกการร่วงลงของตลาดแบบรุนแรง นั้นจะต้องมีสาเหตุที่ ค่อนข้างเป็นเรื่องราวที่ค่อนร้ายแรง หรืออาจจะเกิดสงคราม ที่มีมาตราการณ์ของรัฐบางอย่าง หรือเกิดสถานะการณ์ความไม่สงบสุขทางการเมืองฯลฯ แต่ในกรณีนี้ ที่เกิดวันจันทร์ จันทร์ทมิฬ ที่ทำให้ความมั่งคั่งของ ชาวอเมริกัน นั้นหายไปกว่า 5 แสนล้านเหรียญ ที่สาเหตุของมันนั้น มาจากเรื่องที่ง่ายกว่านั้นมาก เพียงเรื่องที่เกิดจาก แรงขายที่มากกว่าแรงซื้อ แต่นั้นไม่ใช่คำตอบ แบบการใช้กำปั้นทุบดิน เพราะแรงขายที่ว่านั้น มันคือแรงขายแบบ มหาศาล ที่มาจากระบบการเทรดของคอมพิวเตอร์ ที่การคำนวณจากคอมพิวเตอร์นั่นไม่พลาดแน่นอน ถ้าคำส่วนใหญ่ก็คิดแบบนั้น แต่เราก็ไว้ใจในการคำนวณของคอมพิวเตอร์ ที่ให้คำนวณเส้นทางการบินจากโลกไปดวงจันทร์มากว่า ที่จะต้องมานั่งคำนวณเอาเอง ในนั่นก็ยังมีจุดอ่อนที่ยิ่งกว่านั้น สำหรับโลกที่มีการลงทุนตามปัจจัยต่างๆ มากนอกเหนือจากความเข้าใจของเรา เป็นอย่างมาก และนั้นก็จะทำให้ฟดอกาสพลาดของคอมพิวเตอร์ ก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก ที่ในยุคนั้น คอมพิสเตอร์มีความนิยมเป็นอย่างมาก ในสายธุรกิจ เกี่ยวกับเรื่องของการลงทุน การควบคุมความเสี่ยง…

Read More